Luknam คร่า

05 กันยายน 2553

ประโยชน์ของชมพู่

ชมพู่ เป็นผลไม้ที่คนไทยเรียกเพี้ยนมาจากคำภาษามลายูว่า "จัมบู" หรือ "จามู" อินเดียกเรียกว่า gulab-jaman ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า pomme-rose ในสเปนเรียกว่า poma-rose มีชื่อสามัญว่า Rose apple เพราะมีกลิ่นหอมคล้ายกุหลาบชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Syzygium jambos (L.) Alston ชมพู่มีถิ่นกำเนิดแถบมลายู มีหลากหลายสายพันธุ์ชื่อที่เรียกในแต่ละท้องถิ่นล้วนเพี้ยนมาจากคำว่า "จัมบู" ของมลายูทั้งสิ้น บางตำราระบุว่าแหล่งดั้งเดิมของชมพู่อยู่ในประเทศอินเดีย เพราะเป็นแหล่งรวมของพันธุ์ชมพู่หลากหลาย

  • ชมพู่เป็นไม้ต้นทรงพุ่มขนาดกลาง ใบรูปหอก เรียบหนา
  • เป็นมัน ดอกสีขาวอมเหลืองออกเป็นช่อ มีกลิ่นหอมผลรูป
  • ทรงคล้ายระฆังคว่ำ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 4-6 ซม. ยาว
  • 7-9 ซม. แต่ละพันธุ์มีขนาด ความยาว และสีสันแตกต่างกัน
  • มีทั้งสีแดง สีเขียว หรือเขียวมีแดงแทรก เนื้อชมพู่ฉ่ำน้ำ รส
  • ชาติมีตั้งแต่จืดกระทั่งหวานจัด มีกลิ่นหอม บางพันธุ์มีเมล็ด
  • บางพันธุ์มีเฉพาะไส้ จำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ได้ดังนี้
    • Syzygium jambos เป็นพันธุ์ที่ฝรั่งเรียกว่า rose apple
    • ตัวอย่างเช่น ชมพู่น้ำดอกไม้ ชมพู่พันธุ์นี้แม้จะมีกลิ่น
    • หอมแต่รสจืดซืด
    • Syzygium malaccensis บางที่เรียกพันธุ์มาเลย์ ผล
    • ทรงกลมรีเล็กน้อย กลิ่นหอม มีรสหวานอ่อน ๆ เช่น ชมพู่
    • สาแหรก ชมพู่มะเหมี่ยว เป็นต้น
    • Syzygium samaramgense มักเรียกว่า พันธุ์ขวา หรือ
    • พันธุ์อินโดนีเซียSyzygium aqueum มีชื่อสามัญว่า water apple แทนที่จะ
    • ป็น rose apple เพราะพันธุ์นี้มีน้ำมาก กรอบและรสหอม
    • หวาน ชมพูไทยหลายชนิดอยู่ในกลุ่มนี้
  • ชมพู่พันธุ์พื้นเมืองได้แก่
    • ชมพู่มะเหมี่ยว ผลสีแดงเข้ม เนื้อนุ่มฉ่ำน้ำ มีเมล็ดขนาดใหญ่
    • รสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมคล้ายดอกกุหลาบ
    • ชมพู่สาแหรก ลักษณะภายนอกคล้ายชมพู่มะเหมี่ยวแต่
    • ขนาดผลเล็กกว่า บริเวณปลายกลีบยื่นออกมาคล้ายกับปากนำ
    • เนื้อออกสีขาวขุ่น รสหวานฉ่ำน้ำ
    • ชมพู่แก้วแหม่ม ผลสีสีขาวออกชพุ เนื้อนุ่ม มีไส้เป็นปุย รสจือ
    • มีกลิ่นหอม
    • ชมพู่พลาสติก หรือชมพู่แก้ว ขนาดเล็ก รูรงแป้น ผิวสีแดงสด
    • เนิ้อน้ยอ รสเปรี้ยว มักปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับตามบ้าน
    • ชมพู่น้ำดอกไม้ เป็นชมพู่ผลกลม ภายในผลกลวง ที่ก้นผลมีกลีบ
    • มองดูคล้ายดอกไม้ ผลดิบสีเขียวเข้ม ผลสุกสีเขียวอ่อน มีกลิ่น
    • หอม อันเป็นที่มาของชื่อ น้ำดอกไม้
  • ชมพู่ที่ปลูกเพื่อการค้า ได้แก่
    • ชมพู่เพชรสุวรรณ ผิวสีเขียวอมแดง เนื้อหนากรอบ ฉ่ำน้ำ รสหวาน
    • ชมพู่เพชรสายรุ้ง เป็นพันธุ์ที่ปลูกในจังหวัดเพชรบุรีมาตั้งแต่ปี พ.ศ
    • . 2378 เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างชมพุ่กะหลาป่าของอินโดนีเซีย
    • กับชมพู่แดงของไทย เป็นชมพู่ที่มีรสหวานกรอบ และราคาแพง
    • ที่สุดในบรรดาชมพู่ด้วยกันรูปทรงคล้ายระฆังคว่ำ ตรงกลางผลป่อง
    • เล็กน้อย ผิวเปลือกสีเขียว เวลาแก่จัดจะเห็นเส้นริ้วสีแดงที่ผิวชัดเจน
    • เนื้อแข็งกรอบ รสหวานมากกว่าชมพู่ทุกชนิด
    • ชมพู่ทับทิมจันทน์ ผลยาวรี ตรงกลางคอด บริเวณปลายผลป่อง ผิวสี
    • แดง เนื้อกรอบ ฉ่ำน้ำ รสหวาน กลิ่นหอม ไม่มีเมล็ด
    • ชมพู่ทูลเกล้า เป็นชมพู่สีเขียวอ่อน รูปกรวยแคบ ผลยาวรีทรงสูงกว่า
    • พันธุ์อื่น ๆ ขั้วผลแคบกลมมน ก้นผลกว้าง พองออกเล็กน้อย ผิวเรียบ
    • สีเขียวอ่อน เนื้อในสีขาวออกเขียว เนื้อหนา กรอบ ฉ่ำน้ำ มีกลิ่นหอม
    • ไม่มีเมล็ด
    • ชมพุ่เพชรน้ำผึ้ง ผลยาวรี รูปกรวยแคบ ขั้วผลแคบกลมมน ก้นผลกว้าง
    • พองออกเล็กน้อย เปลือกหนา สีแดงเข้ม เนื้อสีขาว กรอบ รสหวานอม
    • ฝาดเล็กน้อย

  • นอกจากนี้ยังมีพันธุ์อื่น ๆ เช่น ชมพู่เพชรชมพุ ชมพู่เพชรสามพราน และชม
  • พูนัมเบอร์วัน เป็นต้น
  • ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมเป็นฤดูกาลของชมพุ่ที่ออกผลปีละครั้ง แต่
  • เดี๋ยวนี้ชาวสวนสามารถทำชมพู่ทะวายออกมาขายในช่วงเดือนเมษายนถึง
  • พฤษภาคม และธันวานคมได้ แหล่งปลูกสำคัยอยู่ที่อำเภอดำเนินสะดวก จัง
  • หวัดราชบุรี และจังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น
  • คนไทยกินชมพู่เป็นผลไม้หากรสหวานดีก็กินสด ๆ แต่หากรสอมเปรี้ยวก็จิ้ม
  • พริกกับเกลือคนไทยสมัยก่อนใช้ชมพู่จจืดเป็นผักชนิดหนึ่ง

คุณค่าอาหารและสรรพคุณ

ชมพู่ เนื้อฉ่ำน้ำ กินแล้วสดชื่น แก้กระหายได้ดี มีวิตามินซีป้องกันโรคหวัด โรคเลือด

ออกตามไรฟัน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เหล็ก เส้นใย วิตามินเอ วิตามินปี1

และวิตามินบี2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น